
เรื่องเล่าในวัง สถานที่ประทับ ของเจ้านาย
ที่ได้เล่าขาน สืบต่อกันมา
เรื่องเล่าในวัง พระราชวังดุสิต ก่อสร้างขึ้นใน สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพระราชวัง สำหรับพระองค์ และคนฝ่ายใน เพื่อใช้เป็น
สถานที่พัก ตากอากาศ ในฤดูร้อน เพราะในวัง นั้นทั้งร้อน ทั้งแออัด ข่าวลือในวัง เมื่อสร้างเสร็จ แล้วจึงทำให้มี พระที่นั่ง
และพระราชตำหนัก หลายแห่งทีเดียว ซึ่งสถานที่ เหล่านี้มี ผู้เจอผี มากมายตาม เรื่องเล่าในวังสุโขทัย ที่สืบต่อกันมา
พระราชวังดุสิต บริเวณภายใน ยังมีพระตำหนัก มากมายใน เขตที่เป็น พระราชฐาน ซึ่งเป็นที่ ประทับของ เจ้านายฝ่ายใน
พระตำหนักสวนบัว รัชกาลที่ 5 ได้ให้สร้าง เป็นที่ประทับของ พระอัครชายา คือพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์
ซึ่งบริเวณ ด้านหน้าของ ตำหนักแห่งนี้ จะมีอ่างบัว ซึ่งเป็นบัว ที่พระวิมาดา ได้ปลูกไว้
ในคืนหนึ่ง ข่าวลือในวังล่าสุด พวกคนในวัง พากันเห็น ตัวอะไร บางอย่างโผล่ มาจากอ่างบัว เลยพากัน ตกใจนึกว่า เป็นขโมย
ก็เลยได้ ร้องเสียงดัง แต่ตัวนั้น ก็ไม่ยอมไป บางคนเขวี้ยง ของใส่ก็ ตัวนั้นก็ ยังไม่ยอม ไปอยู่ดี เมื่อคนเริ่ม แห่กันมา ดูเยอะขึ้น ก็ได้จุดไฟดู แล้วเห็นเป็นตัว ที่รูปร่าง คล้ายกับคน โผล่มาจาก น้ำเพียงครึ่งตัว มีลักษณะหัวล้าน ตัวดำสนิท ทำตาพอง
กลอกตาไปมา
แม้กระทั่ง พระวิมาดา ที่ออกมา ยืนดูก็เห็น จึงได้สวดมนต์ กรวดน้ำแผ่ เมตตาให้ แต่ตัวประหลาดนั้น ก็ไม่ยอมไป ยืนกลอกตา ไปมาอยู่ อย่างนั้นตลอด จนถึงตอนเช้า จึงหายตัวไป
เรื่องเล่าในวัง เหตุการณ์ที่คนในวัง ต่างรู้กันดี แต่ไม่มีใคร พิสูจน์หาความจริงได้
บริเวณอ่างหยก มีเรื่องเล่าว่า เคยเป็นป่าช้า ของวัดโบราณ ที่ชื่อว่าวัดดุสิต ซึ่งตอนที่ ซื้อที่ดิน ผืนนี้มา นั้นวัดแห่งนี้
ทรุดโทรมมาก รัชกาลที่ 5 จึงย้ายวัดออกไป แล้วได้สร้างวัด แห่งใหม่ขึ้น ในสถานที่ใหม่ เพื่อมาทดแทน นั่นก็คือ
วัดเบญจมบพิตร ดุสิตวนาราม ส่วนตรงบริเวณ ที่เป็นป่าช้า รัชกาลที่ 5 ได้ให้ขุด เป็นสระใหญ่ ที่ลึกมาก กว่าหลายเมตร
เพื่อไม่ให้ ใครมาสร้าง สิ่งปลูกสร้างใดๆ แล้วนำดิน พร้อมกับสิ่งต่างๆ ตรงบริเวณ ที่ดินแห่งนี้ ไปทำบุญ บำเพ็ญกุศล
สาเหตุที่ สระแห่งนี้ ถูกตั้งชื่อ ว่าอ่างหยก เพราะน้ำในสระ มีสีเขียว เหมือนหยกนั่นเอง สระแห่งนี้ ได้สร้างอยู่ ทิศใต้ของ พระที่นั่ง วิมานเมฆ ซึ่งบริเวณนี้ มีต้นไม้ใหญ่ และปลูกผลไม้ ออกลูกดก จนเต็มต้น จึงมีคน มาขโมยกิน โดยที่ไม่มี ใครจับได้ แถมยังทิ้ง รอยฟันที่แทะ ผลไม้ต่างๆ เอาไว้ให้ ดูต่างหน้า หลายคนในวัง ดูแล้วบอกกันว่า เป็นรอยฟันคน
การกระทำ เช่นนี้ถือว่า เป็นการอุกอาจ กล้าเข้ามาถึง ในเขตพระราชฐาน พระองค์จึงได้ ตั้งรางวัล นำจับโจร ผู้แอบลักลอบ
มาขโมย กินผลไม้ ในวังแห่งนี้ มากถึงสองตำลึง การตั้งรางวัล นำจับที่ สูงขนาดนี้ ผู้คนในวัง จึงพากัน มาคอยดู ซุ่มจับขโมยกัน แต่ก็ยัง ไม่มีใคร ที่สามารถ เจอตัวโจร และผลไม้ ก็ยังหาย อีกอยู่เรื่อยๆ
ในคืนเดือนมืด คนในวัง จึงมีการ ซุ่มจับขโมย ซึ่งจะทำ กันในยามค่ำคืน ในคืนหนึ่ง ช่วงเวลาดึก บรรยากาศ ในบริเวณนั้น
มืดสนิทเงียบ และสงบมาก จนน่ากลัว จากนั้นก็ มีกลุ่มคน ที่อยู่ในวัง ต่างพากัน มาแอบซุ่ม ดูอยู่รอบๆ เพื่อให้มอง เห็นขโมย
ในเวลาต่อมา ก็มีร่างดำๆ ลักษณะสูงใหญ่ วิ่งอย่างรวดเร็ว พุ่งตรงไป ที่ต้นฝรั่ง อยู่บริเวณ สระน้ำนั้น ทุกคนที่ อยู่ในวัง จึงพากัน วิ่งกรูเข้าไป ล้อมที่ต้นฝรั่ง สิ่งที่ทุกคน ในวังเห็น คือเป็นร่างดำๆ ซึ่งก็ไม่มี ใครมองได้ ชัดว่าเป็น คนหรือไม่ แล้วไปนั่ง อยู่บนกิ่ง ของต้นฝรั่ง จากนั้นก็ ได้กัดกิน ลูกฝรั่งอยู่ เป็นเวลานาน สภาพดูหิวโหย เมื่อคนในวัง ได้เห็นร่าง ที่นั่งอยู่ บนต้นไม้นั้น จึงได้ส่งเสียงร้องเรียก ให้ขโมยลงมา ให้จับโดยดี
คนในวัง ให้ความเห็น ตรงกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือฝีมือ
ของผีพราย
หลังจากที่ เหล่าคนในวัง ส่งเสียงร้อง เรียกกันอยู่ สักพักใหญ่ เงาร่างดำๆ ที่อยู่บน กิ่งต้นไม้ ก็กระโดด ลงมาจาก ต้นฝรั่งนั้น
คนในวังที่ เป็นผู้ชาย จึงวิ่งพา กันเข้าไป รุมกันจับ แต่ก็ยัง ไม่มีใคร จับได้เลย เพราะร่างดำๆ วิ่งรวดเร็ว เหมือนไม่ใช่มนุษย์
ซึ่งไม่มีใคร ได้เห็นหน้า มองเห็นแต่ เป็นร่างดำๆ ตัวก็ลื่นๆ และมีกลิ่นสาบ เหมือนศพเน่า สุดท้ายร่างดำนั้น ก็ได้วิ่งหนี
แล้วกระโดด ลงสระน้ำ หนีลงไปได้
สุดท้ายก็ ยังไม่มีใคร ที่จับขโมย ตนนั้นได้ เหลือไว้เพียง รอยคราบน้ำ เรื่องในวังที่ยังไม่รู้ เชื่อกันว่า สิ่งที่เจอ นั้นเป็น ผีพราย
เรียบเรียงโดย อลิส